เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มาสเตอร์การ์ด เจ้าของบัตรเครดิตรายใหญของโลก ได้เปิดเผยข้อมูลนักเดินทางและการจัดอันดับจุดหมายของการท่องเที่ยวทั่วโลก หรือ Mastercard’s Global Destination Cities Index ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วที่

“กรุงเทพมหานคร” ติดอันดับเมืองที่เป็นจุดหมายของนักเดินทางทั่วโลกมากที่สุดเป็นอันดับ 1

“Big Cities, Big Business”

คำโปรยในการประกาศอันดับครั้งนี้ว่า เมืองใหญ่ ธุรกิจใหญ่ ซึ่งเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์การเดินทางไปยังเมืองนั้นๆ ให้ความสำคัญกับกับโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งทางด้านธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวในการพักผ่อนและเชิงวัฒนธรรม

ซึ่งได้เก็บข้อมูลจาก 162 เมืองทั่วโลก และไม่ได้จำกัดอยู่แค่เมืองท่องเที่ยวเท่านั้น ในปีนี้ยังได้เพิ่มข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระยะเวลาการเข้าพักและจำนวนเงินที่นักเดินทางใช้จ่ายต่อวันด้วย

เมืองไทย ติด 20 Top  3 จังหวัด

มาสเตอร์การ์ด ระบุว่า มีนักเดินทางชาวต่างชาติกว่า 20 ล้านคน เดินทางมายัง กรุงเทพมหานคร ทำให้ที่นี่ยังคงเป็นจุดหมายของการเดินทางสูงสุดในปีนี้ ที่น่าสนใจคือ มีนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะพักอยู่ใน กรุงเทพฯ เฉลี่ยคนละ 4.7 คืน ตลอดการเดินทาง แล้วใช้จ่ายเงิน 173 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ต่อวัน

เมืองอื่นในไทยก็ติดอันดับ เช่น ภูเก็ต ติดอันดับที่ 12 มีคนหลั่งไหลมามากกว่า 9.29 ล้านคน และ พัทยา ติดอันดับที่ 18 มีคนเดินทางมาเที่ยว 8.67 ล้านคน

(Photo by Robert Tudor on Unsplash)

ในขณะที่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อยู่ในอันดับที่ 2 มีนักเดินทาง 19.83 ล้าน นักท่องเที่ยวนิยมพักเฉลี่ย 5.8 คืน และใช้จ่ายเงิน 153 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ต่อวัน

อันดับที่ 3 คือ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส มีนักเดินทาง 17.44 ล้าน นักท่องเที่ยวนิยมพักเฉลี่ย 2.5 คืน และใช้จ่ายเงิน 301 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ต่อวัน

อันดับที่ 4 คือ ดูไบ แห่ง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีนักเดินทาง 15.79 ล้าน นักท่องเที่ยวนิยมพักเฉลี่ย3.5 คืน และใช้จ่ายเงิน 537 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ต่อวัน

ภูเก็ต ติดอันดับ 10 นทท.ใช้จ่ายสูง

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวขึ้นอยู่กับ ระบบเศรษฐกิจในท้องถิ่นนั้น ทำให้ ดูไบ ยังคงเป็นเมืองจุดหมายปลายทางชั้นนำที่มีอันดับการใช้จ่ายของผู้นักเดินทางจ่ายเฉลี่ย 537 เหรียญต่อวัน

ในขณะที่ เมืองอิสตันบูล ของตุรกี เป็นเมืองที่มีค่าใช้จ่ายต่ำสุดในแต่ละวันโดยเฉลี่ยเพียงแค่ 108 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ที่น่าสนใจอีกข้อหนึ่งคือการจัดอันดับเรื่องค่าใช้จ่ายในแต่ละวันนี้มี ภูเก็ต ของไทยเข้ามาติดอยู่ในอันดับที่ 10 โดยคาดว่าในปี 2018 มีนักเดินทางใช้จ่ายเงินในภูเก็ตกว่า 10.46 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือเฉลี่ย 239 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน

นอกจากนี้ มาสเตอร์การ์ด ยังระบุว่า การเดินทางระหว่างประเทศมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจในหลายเมืองทำให้ชีวิตของชาวบ้านดีขึ้น เช่น บาร์เซโลน่า ของสเปน กำลังได้รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เมืองมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและเป็นที่น่าพอใจให้กับนักท่องเที่ยว เป็นสิ่งดึงดูดให้มีคนเดินทางเพิ่มมากขึ้น

ไม่เพียงแค่ผลการจัดอันดับของมาสเตอร์การ์ด ในปีนี้ Business Traveller นิตยสารชั้นนำสำหรับนักธุรกิจในเอเซีย โหวตเลือกให้ กรุงเทพฯ เป็น The Best Leisure City in Asia-Pacific ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 (2016-2018) และ Grand Hyatt Erawan ได้รางวัล Best Business Hotel in Bangkok และ เว็บไซต์ท่องเที่ยว tripadvisor ยังได้เผยว่า วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับที่ 17 ของโลก

สิ่งเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำได้ว่าในสายตาของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กรุงเทพฯ ยังคงเป็นเมืองฟ้าอมร มีเสน่ห์ทั้งวัฒนธรรม วิถีชีวิตและสีสันที่หลากหลายให้ทั่วโลกได้มาสัมผัส