- Travel
เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว!! 5 สถานที่สุดงดงามใน ‘แม่ฮ่องสอน’ สัมผัสสายหมอกและแสงตะวัน
By Sanook D Pipat • on Nov 09, 2018 • 3,043 Views
จากที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศว่า ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวในวันที่ 27 ตุลาคม 2561 โดยอุณหภูมิต่ำสุดบริเวณประเทศไทยตอนบนอยู่ในเกณฑ์อากาศหนาวเย็นเกือบทั่วไปอย่างต่อเนื่อง และปริมาณการกระจายของฝนบริเวณประเทศไทยตอนบนลดลง เพื่อเป็นการต้อนรับลมหนาวที่กำลังจะพัดเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ Bsite ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุดงดงามเหมาะแก่การจูงมือแฟนไปเที่ยว พาครอบครัวไปพักผ่อน รับรองว่าต้องประทับใจแน่นอน
1.โครงการพระราชดำริปางตอง 2
หรือที่เรียกกันติดปากว่า ปางอุ๋ง ตั้งอยู่ที่บ้านรวมไทย ตำบลหมอกจำแป่ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอน ประมาณ 45 กิโลเมตร การเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ให้โดยสารรถสองแถวมาลงที่บ้านหมอกจำแป่ แล้วเหมารถสองแถวชาวบ้านขึ้นไป หรือเหมารถจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ราคาไม่เกิน 1000 บาท ขึ้นมาที่ปางอุ๋ง แต่ถ้าใครขับรถมอเตอร์ไซค์แข็งและชอบความท้าทายเราแนะนำให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองขับเที่ยวมาตลอดทางได้เลย
ปางอุ๋ง มีลักษณะเป็นป่าสนล้อมรอบอ่างเก็บน้ำ ในยามเช้าไอหมอกความเย็นจะลอยขึ้นจากผิวน้ำปะทะกับลำแสงของพระอาทิตย์เป็นควันสีทองฟุ้งขึ้นมา เป็นภาพที่งดงาม ส่วนในตอนกลางคืนยังเป็นจุดชมทะเลดาวได้ด้วย
ใกล้กับอ่างเก็บน้ำยังมีสวนดอกไม้เมืองหนาวให้ได้ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศด้วย ที่ปางอุ๋ง มีบริการรีสอร์ทของชาวบ้านที่หมู่บ้านรวมไทย หรือใครจะเอาเต็นท์มากางก็ได้ ใครจะไปกางเต็นท์แนะนำให้โทรจองสถานที่ล่วงหน้าที่เบอร์ 080 847 8456 และ 087 661 8594 ในช่วงวันหยุดยาวพื้นที่ของปางอู่งจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเพราะฉะนั้นแนะนำให้ไปเที่ยวในช่วงวันธรรมดาจะสัมผัสความสงบเงียบได้มากกว่า
2.บ้านรักไทย
เป็นหมู่บ้านสุดท้ายของชายแดนไทยติดกับชายแดนประเทศพม่า ตั้งอยู่ที่ ตำบล หมอกจำแป่ เช่นเดียวกันกับปางอุ๋ง ใครไปเที่ยวปางอุ๋งแล้วต้องเตลิดมาเที่ยวที่บ้านรักไทยด้วย ที่นี่จะเป็นหมู่บ้านไทยสไตล์ยูนนาน มีอ่างเก็บน้ำอยู่กลางหมู่บ้าน ล้อมรอบด้วยบ้านเรือนเล็กๆน่ารักตามริมเนินเขา
ลีไวน์รีสอร์ท เป็นรีสอร์ทสไตล์บ้านดินยูนนานที่ตั้งอยู่บนไร่ชา ถือเป็นรีสอร์ทยอดนิยมที่มียอดจองล่วงหน้าเต็มเกือบตลอดทั้งปี ใกล้กันมีชาสารักไทย เป็นรีสอร์ทที่จำลองกำแพงเมืองจีนมาไว้ริมเขา
ไฮไลท์ของการมาเที่ยวที่นี่คือการมากินขาหมูหมั่นโถว นั่งจิบกาแฟริมอ่างเก็บน้ำ และรอเวลาพระอาทิตย์ขึ้นชมสายหมอกลอยอยู่เหนือน้ำ ใครที่มีเวลาอยากให้พักที่นี่สักสองวัน ปล่อยใจไปกับอากาศ สัมผัสวิถีของชุมชน
3.วัดพระธาตุดอยกองมู
4.สะพานไม้ซูตองเป้
ตั้งอยู่ที่บ้านกุงไม้สัก ตำบล ปางหมู อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ห่างจากตัวเมืองไม่ถึง 10 กิโลเมตร เป็นสะพานไม้แห่งคำอธิษฐานและผ่านการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านสร้างข้ามทุ่งนาไปสู่ สวนธรรมภูสมะ มีความยาวกว่า 500 เมตร มีความเชื่อว่าให้ตั้งจิตอธิษฐานระหว่างเดินข้ามสะพานและเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังวิหารที่อยู่ในสวนธรรมก็จะสมดั่งที่ตั้งจิตไว้ ภาพที่หลายคนชอบมาถ่ายรูปคือยามที่พระสงฆ์เดินออกมาบิณฑบาตรผ่านสะพานไม้และทุ่งข้าวเขียวขจี มีสายหมอกล่องลอย ตัวสะพานสร้างขึ้นจากไม้ไผ่ด้วยเทคนิคการสานคล้ายการสร้างผนังบ้านของชาวเขา สะพานนี้เป็นทางผ่านระหว่างทางไปสู่ปางอุ๋งและบ้านรักไทยด้วย
วัดจองคำ – วัดจองกลาง
เป็นสองวัดคู่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน ใกล้กับสวนสาธารณะหนองจองคำ เป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองแม่ฮ่องสอนมาตั้งแต่ปี 2370 โดยการสร้างของพระยาสิงหนาทราชา เจ้าเมืองคนแรก ที่วัดประดิษฐาน พระพุทธรูปหลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปศิลปะแบบพม่า มีวิหารแบบพม่าโบราณ ภายในกำแพงวัดจองคำมีวัดฝาแฝดชื่อวัดจองกลาง ซึ่งมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณในแบบศิลปะพม่าและไทใหญ่ ในตอนเช้าจะมีชาวบ้านหลั่งไหลมาทำบุญทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตของชาวแม่ฮ่องสอน และสายหมอกก็จะลอยฟุ้งอยู่ที่หนองจองคำหน้าวัดให้บรรยากาศสดชื่น
สำหรับการเดินทางมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันมีรถโดยสารจากกรุงเทพฯ ของสมบัติทัวร์ ใช้ระยะเวลาเดินทางราว 14-15 ชั่วโมง ออกหัวค่ำถึงตอนสาย ส่วนสายการบินปัจจุบันมี มีเที่ยวบินตรงของนกแฮร์ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง (อังคาร-จันทร์-พุธ-ศุกร์) นอกจากนี้ยังมีการบินไทยและบางกอกแอร์เวย์สแต่ต้องต่อเครื่องที่เชียงใหม่ ใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง 40 นาที
ในปี 2561 ถือว่าเป็นโอกาสดีที่อยากจะชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาจังหวัดแม่ฮ่องสอน เพราะมีสถานะเป็นเมืองรอง ตามนโยบายของรัฐบาลสามารถนำค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวไปลดหย่อนภาษีได้ ระยะเวลาถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น โดยให้ออกใบกำกับภาษีฉบับเต็ม เก็บไว้เป็นหลักฐาน มาหักลดหย่อนได้ตามจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวรับลมหนาวช่วงปลายปี ลองแวะมาเที่ยวเมืองนี้เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์จริงๆ
Copyright© Bsite.In
ABOUT THE AUTHOR
Sanook D Pipat