ในขณะที่ 2 ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่กำลังคลุกฝุ่นกัน ฟัดกันนัวจนเป็นปัญหาสงครามการค้าระหว่างประเทศ หันมาทางอีกค่ายใหญ่ Samsung ก็มีดราม่าเกิดขึ้นที่จีนอีรุงตุงนังไม่แพ้กัน โดยมีข่าวว่าได้ไปร่วมงานคอลแลบฯ กับแบรนด์แฟชั่นใหญ่ แต่ดันเป็นแบรนด์ปลอมซะงั้น แต่เรื่องราวก็ไม่ได้จบแค่นั้น กลับมีความซับซ้อนมากกว่านั้นอีก เป็นอย่างไรนั้นเราจะลำดับเหตุให้ฟัง

ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวว่า Samsung แกรนด์โอเพ่นนิ่งเปิดตัว Galaxy A8S ในประเทศจีน พร้อมประกาศจับมือกับแบรนด์สตรีทแฟชั่นอย่าง Supreme แต่ทว่า Supreme ที่จับมือด้วยนั้น ไม่น่าจะใช่ของแท้ !!

ทั้งนี้ Feng En หัวหน้าฝ่ายการตลาดของซัมซุงประเทศจีน ได้เชิญตัวแทนของแบรนด์ Supreme ขึ้นบนเวทีประกาศความร่วมมืออย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับบอกว่าการคอลลาบอเรชั่นครั้งนี้ เป็นไปตามเทนด์สำคัญที่ผู้บริโคยุคใหม่ต้องการความเป็นตัวของตัวเอง เป็นสไตล์ของตัวเอง ที่สำคัญ

“ในเมื่อเรามีชื่อแบรนด์เป็น S เหมือนกัน เป็นสอง S ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างแน่นอน”

ซึ่งหลังจากที่มีข่าวออกไปว่า เฮ้! ยู แบรนด์ที่ยูพาขึ้นเวทีจับมือน่ะมันของปลอมนะ

เนื่องจาก Supreme ดั้งเดิมเป็นแบรนด์สตรีทแฟชั่น เป็นที่นิยมของเด็กสเก็ตบอร์ดทั่วสหรัฐฯ ผู้ก่อตั้งได้แก่ James Jebbia ชาวอังกฤษ และยังเป็น CEO อีกด้วย มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครนิวยอร์ก, สหรัฐ และทันทีที่มีข่าวแพร่สะพัดไปถึงความร่วมมือระหว่าง Samsung จีนกับ Supreme ก็ปรากฏว่า Supreme ต้นตำรับก็ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย

นั่นแปลว่า Samsung กำลังจับมือทำธุรกิจกับของปลอมอย่างนั้นหรือ!! เรื่องไม่ได้ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เมื่อปรากฏว่า Supreme บนเวทีนั้นได้รับความคุ้มครองเต็มที่ทางกฎหมาย

ทั้งนี้ Leo Lau หัวหน้าฝ่ายการตลาดดิจิทัลของบริษัท ได้ออกมาโพสต์ข้อความทาง Weibo ชี้แจงว่า แบรนด์ที่เราร่วมมือด้วยคือ Supreme Italia ไม่ใช่ Supreme US (หรือ Supreme Newyork) เนื่องจาก Supreme US ไม่สามารถทำตลาดในประเทศจีนได้ แต่ Supreme Italia สามารถทำตลาดในเอเซียแปซิฟิกได้ (ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น)

แต่ไม่นานหลังจากที่ Supreme US ปฏิเสธว่าไมได้ร่วมมือกับ Samsung แต่อย่างใด และไม่มีแผนที่จะทำตลาดในจีนด้วย Leo Lau ก็ลบโพสต์ออกจาก Weibo ไป (ซะงั้น)

บางท่านอาจจะงงว่าเอ๊ะ! มี Supreme สองแบรนด์เลยหรือ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ …

อย่างที่เราใช้คำว่า แบรนด์ Supreme ดั้งเดิม ก็เพราะว่าของเดิมนั้นจดทะเบียนทางลิขสิทธิ์อยู่ที่สหรัฐฯ แต่ด้วยกฎหมายลิขสิทธิ์ทางปัญญาไม่มีผลครอบคลุมในอิตาลี และทางแบรนด์เองก็ไม่ได้ไปขึ้นทะเบียนที่นั่น ทำให้สามารถไปจดทะเบียนการค้าที่อิตาลีได้ โดยใช้ชื่อเดียวกันและตราโลโก้แบบเดียวกัน แต่แบรนด์ทางสหรัฐฯ ก็มิได้นิ่งนอนใจ ก็รีบแจ้นไปฟ้องเรื่องละเมิดสิทธิทางปัญญา แต่เมื่อมีการฟ้องร้องกันเกิดขึ้นปรากฏว่าศาลกลับสั่งคุ้มครองให้แบรนด์ที่อิตาลีสามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ด้วยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายสิทธิทางปัญญาที่ไม่ได้ครอบคลุมที่อิตาลี (ช่องโหว่นี้ทำให้แบรนด์ก็อปหลายแบรนด์บินไปจดทะเบียนที่อิตาลีเป็นจำนวนมาก) ไม่เพียงแค่นั้น แบรนด์ Supreme Italia ยังประกาศด้วยว่า จะขายสินค้าปลอมอย่างถูกกฎหมายไปเลย (อย่างนี้ก็ได้)

เรื่องมันก็ (วุ่นวาย) เป็นฉะนี้แล

แต่สิ่งนี้จะส่งผลต่อความเชื่อถือต่อแบรนด์ใหญ่อย่าง Samsung หรือไม่ ในเมื่อแม้แต่สิทธิพื้นฐานของคนที่สร้างสรรค์งานที่ทั่วโลกต่างเรียกร้องให้มีการดูแลคุ้มครอง ในแง่กฎหมายอาจจะถูกต้อง แต่ในแง่ศีลธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือไม่? น่าจะเป็นคำถามที่ทั่วโลกต่างจับตาและเฝ้ารอคำตอบจาก Samsung .

Source : Verge.com  Engadget  I-D.vice  Hyperbeast