หลังจากที่เรานำเสนอข่าว ศาลจีนสั่งแบนมือถือ iPhone 7 รุ่น ห้ามนำขายในประเทศไปเมื่อไม่นาน ล่าสุด ก็มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการที่หลายบริษัทในจีนสั่งห้ามพนักงานใช้มือถือ iPhone แถมถ้าใช้ยังมีบทลงโทษอีกด้วย!!

นับเป็นประเด็นร้อนที่สืบเนื่องกับความขัดแย้งที่ดูเหมือนว่ามีหน้าฉากคือการแข่งขันระหว่างค่ายมือถือ แต่ที่แท้คือสงครามการค้าอย่างรุนแรงระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า จากเหตุความขัดแย้งของการกักตัว Meng Wanzhou ผู้บริหารหัวเว่ยและยังเป็นบุตรสาวของผู้ก่อตั้งบริษัทอีกด้วย นำไปสู่ความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด มีการเรียกร้องให้พนักงานบอยคอตสินค้าที่มาจากสหรัฐฯ อย่าง Apple เรียกว่าเป็นการโต้กลับที่รุนแรงมากทีเดียว

ตามรายงานข่าวระบุว่า หลายองค์กรบริษัทข้ามชาติของจีน แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการซัพพอร์ตหัวเว่ย ด้วยการขู่ว่าจะลงโทษพนักงานที่ใช้สินค้าของ Apple ในขณะเดียวกันกลับพร้อมที่จะตบรางวัลให้หากซื้อหรือใช้สินค้าที่เป็นสมาร์ทโฟนของจีน

ชนวนเหตุนี้เริ่มต้นจากข่าวที่ Meng Wanzhou ผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยและลูกสาวของผู้ก่อตั้งบริษัทถูกทางการแวนคูเวอร์ แคนาดา กักตัวไวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา แล้วเธอยังต้องเผชิญกับโอกาสที่ต้องถูกส่งตัวไปสหรัฐฯ กรณีที่อาจพัวพันกับการทำการค้ากับอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านนั่นเอง ที่สำคัญ ยังต่อเนื่องกับกรณีที่ศาลจีนสั่งแบนห้ามขายโทรศัพท์มือถือ iPhone ถึง 7 รุ่นด้วยกันทั่วประเทศ

ทั้งนี้ นโยบายบอยคอตสินค้าสหรัฐฯ ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนเคยทำ ก่อนหน้านี้ก็เคยเกิดขึ้นกับสินค้าหลายอย่างของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2012 เมื่อครั้งที่มีความขัดแย้งรุนแรง แล้วก็เคยเกิดขึ้นกับประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 2008 มาแล้วในช่วงที่ตอนนั้นฝรั่งเศสสนับสนุนการปลดแอกทิเบตจากการปกครองของจีน

เราคงต้องติดตามกันต่อไปว่า สงครามนี้แต่ละฝ่ายจะงัดอะไรออกมาบดขยี้กันอีก แต่หากเป็นเพียงแค่สงครามระหว่างบริษัทเทคโนโลยีที่ออกมาสู้กันด้านเทคโนโลยีแข่งขันกันสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเอาชนะใจผู้บริโภค สิ่งนี้เราสนับสนุนอย่างร้อยเปอร์เซนต์ แต่ถ้าหากว่าถูกใช้เป็นเพียงหน้าฉาก และใช้วิธีทำลายฝ่ายตรงข้ามแบบไม่สะอาด เราก็ได้แต่หวังว่ามันจะยุติโดยเร็ว เพราะไม่เช่นนั้นมันอาจจะลุกลามบานปลายไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด และคงไม่ดีกับทุกๆ ฝ่ายอย่างแน่นอน.

Source : CNN