วันนี้ด้วยการนำของ บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล (HMD Global) ที่ได้ไลเซนส์ในการพัฒนาแบรนด์ Nokia ทั้งมือถือและแท็บเล็ต สำหรับตลาดไทยที่หลงรักและคิดถึง Nokia มาตลอดนั้น สามารถตอบสนองความต้องการผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างดี กับสภาวะที่มีการแข่งขันสมาร์ทโฟนบ้านเราดุเดือดขนาดนี้ แต่ Nokia ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง และหลายครั้งผู้บริโภคก็ตามหาสินค้าจนแทบขาดตลาดเลยก็ว่าได้
และด้วยกลยุทธ์มาร์เก็ตติ้งที่น่าทึ่งจาก ธนเดช ช่วงแก้ววิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอชเอ็มดี โกลบอล ประเทศไทย วันนี้ Bsite.In เราเลยจะถอดเกล็ดลอกเปลือกแบบเน้นๆ เลยว่า Nokia โดย HMD ไทยทำอย่างไรถึงครองใจตลาดโลกและคนไทยมาได้แสนนาน
ความสำเร็จของ Nokia ทั้งไทยและต่างประเทศ
ในแง่ของภาพรวมของ Nokia ทั้งสมาร์ทโฟนและฟีเจอร์โฟน เราสามารถแชร์ได้คร่าวๆ ว่า เรามี revenue ในปี 2017 อยู่ที่ 2.13 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทย 75,000 ล้านบาทในปีนั้น และอีกข่าวที่น่าสนใจคือว่า จากการที่เราทำตัวเป็นสตาร์ทอัพ ทำให้เรามีผู้ลงทุนเพิ่มอีก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ก็ทำให้เรามีสถานะเป็นยูนิคอร์นรายหนึ่งในวงการสตาร์ทอัพ ส่วนในแง่แวลูของฟีเจอร์โฟน เราเป็นอันดับ 1 ไม่ว่าจะเป็นรุ่น 3310, หรือ 8110 ซีจีเอ ฯลฯ เร็วๆ นี้ก็อาจจะเป็นอันดับ 1 ในแง่ของวอลลุมด้วย และในแง่ของการเติบโตของสมาร์ทโฟน เราก็ยังอยู่ใน Top 10 Player ระดับโกลบอล นี่คือภาพรวมของระดับโกลบอล
ส่วนในระดับโลคอล เฉพาะ Brand Awareness (การรับรู้ของแบรนด์) เราได้ทำรีเสิร์ชเมื่อช่วงไตรมาส 2 ในปีนี้ พบว่า เราขึ้นมาอันดับ 5 แล้ว เราอยู่อันดับ Top 5 ของแบรนด์สมาร์ทโฟน ในแง่ที่คนพูดถึงแบรนด์มือถือหรือในแง่ของ Top of mind
กลับมาครั้งนี้ Nokia มีกลยุทธ์อะไรที่จะครองหัวใจคนไทยได้อีกครั้ง
อันที่จริงที่ผ่านมา Nokia ไม่ได้ไปไหนเลย แต่อาจจะเดินทางผ่าน Journey ต่างๆ ซึ่งอาจจะเปลี่ยนผ่านจากฟีเจอร์โฟน มาเป็นโอเวอร์ซิสเท็ม ที่มาพร้อมกับ Andriod One (แอนดอรอยด์ วัน) ซึ่งเป็น Pure Andriod (เพียว แอนดรอยด์) โปรแกรมที่ทาง Google การันตีใช้งานในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้ดีที่สุด และยังการันตีว่าเป็นซอฟแวร์แบบ Open System Andriod ที่ดีที่สุดของ Google อีกด้วย
และสุดท้ายสำคัญที่สุดก็คือ อย่างที่เราคอมมิทกับลูกค้าตลอดเวลาก็สมาร์ทโฟนทุกรุ่นของ Nokia จะได้รับการอัปเดทสม่ำเสมอ อย่าง Nokia 8 ที่เพิ่งครบรอบ 1 ปี ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็มีการอัปเดทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และในเดือนกันยายนนี้ก็จะทำการอัปเดทเช่นกัน ซึ่งการอัปเดทมันจะไม่ได้อยู่แค่รุ่นแฟล็กชิพเท่านั้นแต่จะได้รับการอัปเดทตั้งแต่รุ่นกลางไปถึงรุ่นที่สูงขึ้น
“เช่นเดียวกับเมื่อเร็วๆ นี้ที่ แอนดรอยด์เปิดตัวแถลง Android Pie มาล่าสุด มือถือของเราก็จะได้รับการอัปเดทเช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราจะเน้นย้ำกับลูกค้าถึงความแตกต่างที่เรามีเสมอ ซึ่งเร็วๆ นี้มือถือรุ่นใหม่ของเรา Nokia 7 Plus ก็น่าจะมีข่าวดีว่าสามารถใช้ Android Pie ด้วย ซึ่งมีคนไทยบางกลุ่มก็มีโอกาสได้ใช้ Android Pie จาก Nokia 7 Plus แล้ว”
ทราบมาว่าทำการรีเสิร์ชพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยด้วย
จากการที่เรารีเสิร์ชมาพบว่า ในการซื้อมือถือผู้บริโภคมีปัจจัยหลายๆ อย่างในการตัดสินใจ เช่น เสปค, Ram, ราคา และสุดท้ายคือแบรนด์ เพราะวันนี้คอนซูเมอร์มีทางเลือกที่เยอะขึ้น ได้รับข่าวสารต่างๆ มากขึ้น ดังนั้น ผู้บริโภคจะทำการรีเสิร์ชมากขึ้นทำการเปรียบเทียบมากขึ้น ว่าอะไรที่เหมาะกับเขามากที่สุด ดังนั้น Nokia เราก็ต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด เราจึงลอนช์หลายๆ เซกเมนต์ออกมา ซึ่งตอนนี้ในพอร์ตโฟลิโอของเรามีอยู่ทั้งหมด 10 รุ่นด้วยกัน (เฉพาะของสมาร์ทโฟน) เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคหลายๆ กลุ่ม
ความอึดความทน ของ Nokia ยังมีอยู่ไหม
ยังมีอยู่อย่างแน่นอน สิ่งที่คนพูดถึง Nokia ทั้งความอึดความทน ถ้าสมัยก่อนที่เวลาคนพูดถึง ตกกระจายแล้วก็ยังประกอบใหม่ได้ ตรงนี้เรายังมีอยู่แน่นอนในทุกรุ่นของสมาร์ทโฟนเราด้วย
เพราะมือถือเราทำจากอลูมีเนียม 6,000 ซีรีส์ จึงมีความทนทาน ตกก็ไม่เป็นไร แล้วก็มีการทำดรอปเทสต์หลายรอบ ทำการเปิดปิดโทรศัพท์เป็นล้านครั้ง ซึ่งถ้าคำนวณออกมาเป็นปีก็ได้มากกว่า 600 ปี รวมถึงการเทสต์บนทรายที่มีความชื้นสูงหรือมีเกลือสูง เพื่อทดสอบประสิทธิภาพของเครื่อง ซึ่งเราทำกับโทรศัพท์ทุกรุ่นก่อนที่จะออกมาสู่ผู้บริโภค
รุ่นล่าสุดของ Nokia ตอนนี้คือรุ่นอะไร มีความพิเศษอย่างไร
รุ่นล่าสุดคือ Nokia 7 plus ถือเป็นเรือธงรุ่นล่าสุด ในราคาที่เอื้อมถึง อยู่ที่ประมาณ 13,000 นิดๆ แต่ว่าเสปคมาพร้อมกับ Andriod One ที่มีกล้อง AI 16 ล้านพิกเซลล์ด้านหน้า และฟีเจอร์ Bothie คือกล้องคู่ที่ฉายได้ทั้งสองด้าน จนทำให้ได้รับรางวัล Consumer Smartphone of the Year โดย EISA (Expert Imaging and Sound Association) ปี 2018 โดยพิจารณาจากทั้งในเรื่องของความสวยงามและการดีไซน์ ตัวเครื่องเป็นอลูมีเนียมซีรีส์ ขนาด 6 นิ้ว ตอบสนองทั้งไลฟ์ไสตล์และคนที่ชอบเทคโนโลยี
Nokia รุ่นยอดนิยมในไทย มีรุ่นไหนบ้าง
จะเป็น Nokia 7 Plus ที่เพิ่งเข้ามา แล้วก็ Nokia 6.1 รวมไปถึง Nokia 1 ด้วยที่อยู่ในส่วนของโลว์เซกเมนต์ มาพร้อมกับ Android (Go edition) นอกจากนี้ก็จะมี Nokia 3.1 และ 2.1 ที่ขายอยู่ที่บิ๊กซีแบบเอ็กซ์คลูซีฟ เป็นตัวต่อยอดจาก 2.0 ที่เราเป็นเจ้าแรกๆ ที่เราเคลมเลยว่า Nokia 2.0 อยู่ได้ 2 วันโดยชาร์จแค่ 1 ครั้ง
นอกจากนี้ ในส่วนฟีเจอร์โฟน รุ่นคลาสสิค อย่าง Nokia 3310 ก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีอยู่ รวมทั้งอีกตัวที่ได้รับความสนใจมากเลยก็คือ Nokia 8110 4G รุ่นกล้วย ก็จะเป็นรุ่นไอโคนิคที่คนจะตามหากันอยู่มาก โดยเฉพาะสีเหลืองเป็นโทรศัพท์ที่หลายๆ คนบอกชั้นต้องมีหรือชั้นต้องมีเก็บไว้เป็นเครื่องที่ 2
กลยุทธ์ในการแข่งขันตลาดมือถือที่รุนแรง ทั้งในระดับโกลบอลและโลคอล
อย่างแรกเลยคือ Reliability (ความน่าเชื่อถือ) โทรศัพท์ Nokia เป็นมือถือที่ลูกค้าสามารถไว้วางใจในการใช้ได้ ทั้งแมททีเรียล การผลิต การประกอบ และการใช้งานโทรเข้าโทรออก ที่สำคัญเรามาพร้อมกับ Android One ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ Google การันตีมา เพอร์ฟอร์แมนซ์การใช้งานของ Android สามารถใช้งานได้ออกมาได้ 100% อย่างที่สองคือ ความสามารถในการถ่ายรูป เราใช้เลนส์จาก ZEISS (ไซซ์) ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพ ตรงกับคอมมิทเมนท์ที่เราให้กับลูกค้าทุกคน
ในขณะที่ระดับโลคอลนั้น เราได้สื่อสารเพื่อที่จะบอกกับลูกค้าทุกคนว่า Nokia มาพร้อมกับ Andriod เวอร์ชั่นล่าสุด นั่นหมายถึงวันนี้ลูกค้าจะได้รับการอัปเดท Andriod อยู่ตลอดเวลา อย่างตอนนี้ที่เป็น Oreo ก็กำลังจะมาเป็น Pie ลูกค้า Nokia ก็จะได้รับการอัปเกรดมาเป็น Pie ในเซกเมนต์ต่อไปอย่างแน่นอน โดยรุ่นแรกได้แก่ Nokia 7 Plus ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็กำลังโรลเอาท์ตามมา
ในแง่ของการแข่งขัน ‘มือถือ’ เขาแข่งกันที่อะไร
จริงๆ แล้ว แข่งกันตอบโจทย์ลูกค้ามากกว่า ลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ลูกค้าจะเป็นผู้ตอบโจทย์ว่า เขาอยากได้เครื่องหรือการใช้งานแบบไหน คือคนบางคนก็อาจจะใช้งานแค่โทรเข้าโทรออก หรือคนบางคนอาจจะต้องการแค่ Facebook กับ Line ก็พอ เช่นบางคนสนใจจะซื้อโทรศัพท์ให้แม่ ก็อาจจะขยับขึ้นมาหน่อย หรือบางคนก็ชอบเล่นเกมส์ ก็อาจจะเสปกสูงขึ้น คนชอบดูซีรีส์หนัง ก็อาจจะอยากได้แบตอึด จอสวย ดูหนังได้นานๆ
“เนื่องจากลูกค้ามีความต้องการหลากหลาย และเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกเยอะขึ้น ดังนั้น เราก็ต้องทำพอร์ตฟอลิโอให้ตอบโจทย์กับคนหลายๆ กลุ่มให้มากที่สุด คือเราไม่อยากจะเล่นในแง่ของไฮเอนด์อย่างเดียว เพราะสุดท้ายคนที่อยากได้ควอลิตี้เหมือนกันแต่อยากได้ที่โลว์เซกเมนต์มาหน่อย เขาก็จะไม่มีทางเลือก จึงเป็นที่มาว่าทำไมตอนนี้เรามีทั้งหมด 10 รุ่นแล้ว คือตั้งแต่ Nokia 1 มาถึง Nokia 8 ก็พยายามที่จะตอบโจทย์ ของหลายๆ เซกเมนต์ในตลาด”
ทิศทาง Nokia และส่วนแบ่งตลาด 2018 เป็นอย่างไร
เราจะเป็น Top Player ให้ได้ และเราพยายามคอมมิทเสมอว่า จะเป็น 3 top player ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อันนี้ทั้งในแง่โกลบอลและโลคอลด้วย ซึ่งเรามีความร่วมมือทางธุรกิจกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ได้แก่ Zeiss และ Google
โดย Google เราเป็น ลีดพาร์ทเนอร์ เราพัฒนาร่วมกันกับ Google ในแง่ของการเอาซอฟท์แวร์ Andriod มาใส่ใน Nokia เมื่อเป็นแบบนี้นั่นหมายความว่าเราจะเป็นเจ้าแรกๆ ในการที่จะอด็อปท์ Andriod มาก่อนใคร หรือต่อจาก Pixel (มือถือของ Google โดยตรง) ทันที
ส่วน Zeiss เราร่วมมือกันในแง่ของการเอาเลนส์มาใช้ถ่ายรูป เราจะจัดแสงยังไง จะเอาแอปฯกล้องมาใส่ยังไง เพื่อเมคชัวร์ว่า เลนส์โทรศัพท์โนเกียจะต้องได้มาตรฐานของ Zeiss ซึ่งเป็นแบรนด์เลนส์กล้องระดับโลก
ท้ายที่สุด ธนเดช บอกกับเราถึงสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังรออยู่ในอนาคตในช่วงครึ่งปีหลังว่า น่าสนใจอย่างแน่นอน
“แต่อาจจะต้องจับตาหน่อย ขอให้รออีกนิดนึง ขอให้รอเมืองไทยว่ามีอะไร
เพราะเมืองไทยเป็นตลาดที่ HMD Global และ Nokia เองให้ความสำคัญมาก
หลายครั้งที่ Global เปิดตัวอะไร ก็จะเป็นประเทศแรกๆ ที่ได้ก่อน
ดังนั้น ก็ไม่น่าจะรอนานครับเร็วๆ นี้ น่าจะมีข่าวดีสำหรับเมืองไทย”
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=EgR4FDCKsWE” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
[wonderplugin_video iframe=”https://www.youtube.com/watch?v=zczB8NuVYkw&t=27s” videowidth=600 videoheight=400 keepaspectratio=1 videocss=”position:relative;display:block;background-color:#000;overflow:hidden;max-width:100%;margin:0 auto;” playbutton=”https://bsite.in/wp-content/plugins/wonderplugin-video-embed/engine/playvideo-64-64-0.png”]
Copyright© Bsite.In
