เนื่องในวันที่ 23 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หรือ วันปิยมหาราช ทีมงาน Bsite ขอร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และขอนำเสนอสถานที่แห่งความทรงจำตามรอยเสด็จฯ ประพาสบางปะอิน
พระราชวังบางปะอิน เป็นพระราชวังเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา เมื่อเสียกรุงศรีครั้งที่ 2 ก็ถูกปล่อยให้รกร้าง ปรากฏในนิราศพระบาทของสุนทรภู่ว่า
รำพึงพายตามสายกระแสเชี่ยว ยิ่งแสนเปลี่ยวเปล่าในฤทัยถวิล
สักครู่หนึ่งก็มาถึงบางเกาะอิน กระแสสินธุ์สายชลเป็นวนวัง
อันเท็จจริงสิ่งนี้ไม่รู้แน่ ได้ยินแต่ยุบลในหนหลัง
ว่าที่เกาะบางอออินเป็นถิ่นวัง กษัตริย์ครั้งครองกรุงศรีอยุธยา
จนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงบูรณะซ่อมแซมและต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ทรงบูรณะพระราชวังบางปะอินแบบชุดใหญ่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่ง พระตำหนักใหญ่น้อย หอคอย เรือนแพ โดยสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่จะเป็นแบบตะวันตก มีสีสันสดใสสวยงาม ซึ่งในพื้นที่ของพระราชวังก็จะมีเรือนตำหนักของพระมเหสี พระชายาแต่ละพระองค์แยกออกจากกัน
โศกนาฏกรรม พระนางเรือล่ม
โศกนาฏกรรมอันเกี่ยวเนื่องกับพระราชวังบางปะอินคือ กรณีสวรรคตของ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี เมื่อรัชกาลที่ 5 มีพระบรมราชโองการเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอิน โดยทรงให้จัดเรือพระที่นั่งพร้อมพระมเหสีทุกพระองค์โดยเสด็จในครั้งนั้น แต่เนื่องจากพระองค์ทรงติดพระราชกิจ ไม่อาจเสด็จไปตามกำหนดเดิมได้จึงโปรดฯ ให้เรือของพระมเหสีล่วงหน้าไปก่อน
เมื่อเรือมาถึงบางพูด เรือของพระนางเจ้าสุนันทาเกิดล่ม แต่มิอาจมีใครเข้าไปช่วยได้ เพราะเกรงพระราชอาญาที่ห้ามมิให้ผู้ใดแตะต้องพระวรกายของพระมเหสี จึงเป็นเหตุให้สิ้นพระชนม์พร้อมกับ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรรณาภรณ์เพชรรัตน์และพระเจ้าลูกเธอที่อยู่ในพระครรภ์ ด้วย เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความโทมนัสยิ่งให้กับรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชานุสาวรีย์ด้วยประติมากรรมหินอ่อนที่พระราชวังบางปะอิน เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักซึ่งต่อมาคนไทยเรียกเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ว่า “พระนางเรือล่ม”
ความงดงามของนามทวารประตู
อีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยยังไม่เคยรู้ว่า หากประตูของพระบรมมหาราชวังในพระนครมีชื่อคล้องจองกันหมด ที่พระราชวังบางปะอินชื่อก็คล้องจองเล่นคำและมีความไพเราะไม่แพ้กัน
“ราชกิจวิวรณ์-สาครประพาส-เทวราชครรไล-อนงค์ในจรจรัล-เทวัญสถิต-
สังฆสิทธิภัตรการ-นงคราญประเวศ-อัครเรศวรดิษฐ์”
แลนด์มาร์คสำคัญที่ห้ามพลาด
สถานที่ถือว่าเป็นจุดไฮไลท์สำคัญของพระราชวังบางปะอิน คือ พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ เป็นพระที่นั่งทรงปราสาท จำลองมาจาก พระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พระที่นั่งองค์นี้ตั้งอยู่กลางน้ำ ใจกลางของปราสาทประดิษฐาน รูปหล่อสัมฤทธิ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ฉลองพระองค์เต็มยศจอมพลทหารบก เมื่อเงาของพระที่นั่งสะท้อนกับผืนน้ำในวันฟ้าใสจะเป็นมุมที่สวยงามมาก
หอวิฑูรทัศนา ลักษณะเป็นหอคอยสีแดงเหลือง สูง 30 เมตร ตระหง่านอยู่กลางเขตพระราชฐานชั้นใน มีทั้งหมด 3 ชั้น ตัวหอคอยใช้สำหรับเสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรภูมิประเทศโดยรอบของพระราชวัง ซึ่งสมัยก่อนจะเห็นทุ่งนาสุดลูกหูลูกตา รวมถึงมีโขลงช้างป่าด้วย
ฉากสำคัญของละครอมตะ
อีกฉากสำคัญของพระราชวังบางปะอินคือเป็นฉากหลังในหนังสือเรื่อง “สี่แผ่นดิน” วรรณกรรมแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
“บางปะอิน เป็นคำศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาววังเกือบทุกคน เพราะบางปะอินหมายถึงชนบทนอกกรุง หมายถึงท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ที่มีน้ำเจิ่งนองและดอกบัวงามสล้าง บางปะอินเป็นที่ที่มีอากาศโปร่งสบาย ร่มรื่นด้วยพันธุ์พฤกษชาติมีสระและคลองเต็มไปด้วยน้ำใสสะอาด มีลมบริสุทธิ์พัดมามิได้ขาด”
(สี่แผ่นดิน : หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช )
แม่พลอย ตัวละครเอกของเรื่องตามขบวนเสด็จฯ ทอดดกฐินหลวงมาที่วัด วิเวกวายุพัด ระหว่างรอขบวนเสด็จกลับเกิดหิวและ คุณเปรม พระเอกของเรื่องซึ่งแอบชอบแม่พลอยอยู่ได้นำเรือขนมจีนมาเทียบเรือแม่พลอย เกิดเป็นตำนานฉากรักแห่งบางปะอิน
ข้อแนะนำ
-
เปิดให้เข้าชมทุกวันในเวลาระหว่าง 08.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม เด็ก, นักเรียน, นักศึกษา 20 บาท, ผู้ใหญ่ 30 บาท,ชาวต่างชาติ 100 บาท
-
เนื่องจากเป็นพื้นที่ในเขตพระราชฐาน ต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามกางเกงขาสั้น กางเกงขาด เสื้อสุภาพ และรักษามารยาทในการเข้าชมด้วยความเคารพ ไม่ส่งเสียงดัง
-
มีบริการรถกอล์ฟสำหรับขับเที่ยวชม เนื่องจากเขตพระราชวังกว้างขวางมาก
ใครที่สนใจอยากตามรอยเสด็จฯ ประพาสพระราชวังบางปะอิน เพื่อย้อนรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในรัชกาลที่ 5 และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ สามารถตาม Location ได้เลย
การเดินทางไม่ยาก ห่างจากกรุงเทพฯ แค่สี่สิบนาทีเท่านั้นเอง
Location >>>
Copyright© Bsite.In