“There is no secret to life,”

By Karl Lagerfeld

“ไม่มีหรอกความลับของชีวิต มีเพียงแค่ความลับของการทำงานเท่านั้น นำทั้งชีวิตและการทำงานมารวมกัน และบางทีคุณอาจจะเจอชีวิตที่เหมาะสม อย่าดื่ม อย่าสูบบุหรี่ อย่าเล่นยา ทั้งหมดนี้จะช่วยได้” คำพูดแนะนำการใช้ชีวิตของ ดีไซน์เนอร์ ที่นับจากนี้เขาจะเป็นตำนานที่เล่าขานไปตลอดกาล

Karl Lagerfeld แฟชั่นไอคอน ครีเอทีฟ ไดเร็คเตอร์ จาก Chanel ซึ่งเสียชีวิตด้วยวัย 85 ปี จากโรคภัยทางสุขภาพ ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งนับได้ว่าเขาคือบุคคลอันเป็นตำนานผ่านมาหลายยุคหลายสมัย

ทั้งนี้ Lagerfeld เริ่มต้นทำงานกับ Chanel Fashion House ตั้งแต่ปี 1983 และสร้างสรรค์ผลงานอมตะขึ้นหิ้งไว้มากมาย ทั้งนี้ เขาเคยกล่าวถึง Gabrielle Chanel ผู้ก่อตั้งแบรนด์ไว้ว่า “งานของผมไม่ใช่ทำงานต่อจากสิ่งที่เธอ (Gabrielle Chanel) ทำ แต่เป็นการทำในสิ่งที่เธอจะทำต่อไป สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ Chanel ก็คือ ไอเดียสร้างสรรค์ที่คุณสามารถนำมาอแด็ปกับสิ่งอื่นๆ อีกมากมายได้”

Alain Wertheimer, CEO of Chanel กล่าวถึงเขาว่า ขอบคุณความคิดสร้างสรรค์อันอัจฉริยะของเขา ช่วงเวลาที่เขาอยู่กับเราเขาคือบุคคลสำคัญที่มีส่วนทำให้ House of Chanel ประสบความสำเร็จในระดับโลก การสูญเสียวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่เราได้สูญเสียเพื่อนไป แต่เราได้สูญเสียนักสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคไปแล้ว

ด้าน Bruno Pavlovsky, President of Fashion at Chanel กล่าวเสริมว่า จากแฟชั่นโชว์หนึ่งไปสู่แฟชั่นโชว์หนึ่ง จากคอลเลคชั่นหนึ่งไปสู่คอลเลคชั่นหนึ่ง Karl Lagerfeld ใส่ร่องรอยของตัวเองบนงานแห่งตำนานของ Gabrielle Chanel และสร้างประวัติศาสตร์ให้กับ House of CHANEL เอาไว้มากมาย สิ่งที่เราจะทำเพื่อเชิดชูบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ได้ในวันนี้ก็คือตามรอยเท้าของเขาไป ดั่งที่ Karl เคยกล่าวไว้ว่า “จงโอบกอดปัจจุบันและสร้างสรรค์อนาคตอย่างไม่หยุดยั้ง”

ส่วนผู้ที่จะสานต่องานของเขา The House of Chanel ยืนยันว่า Virginie Viard, Director of Chanel’s Fashion Creation Studio ผู้ซึ่งทำงานใกล้ชิดร่วมกับ Lagerfeld มากว่า 30 ปี จะเข้ามาช่วยตรงนี้ รวมทั้งมอบหมายงานให้กับ Alain Wertheimer เพื่อสร้างงานคอลเลคชั่นต่างๆ ต่อไป ดังนั้น อยากให้ทุกคนวางใจได้ว่าผลงานตำนานทั้งของ Gabrielle Chanel และ Karl Lagerfeld จะยังคงอยู่ต่อไป

ซึ่งหลายครั้งคำพูดหรือแนวคิดต่างๆ ของเขา ได้ถูกหยิบยกเอามาเป็นโค้ท สร้างแรงบันดาลใจและให้แง่คิดในการใช้ชีวิตและการทำงานได้ เราคัดบางส่วนให้คุณนำไปปรับใช้กับชีวิตหรือสร้างแพสชั่นดีๆ ต่อไปได้

“Change is the healthiest way to survive”

การเปลี่ยนแปลงคือหนทางแห่งสุขภาพของการมีชีวิตอยู่

“People who say that yesterday was better than today are ultimately devaluing their own existence.”

“คนที่พูดว่าเมื่อวานดีกว่าวันนี้ คือคนที่ลดคุณค่าการดำรงอยู่ของตัวเองอย่างแท้จริง”

“Books are a hard-bound drug with no danger of an overdose. I am the happy victim of books.”

“หนังสือคือยาเสพติดอีกชนิดที่มีปกห่อหุ้มอยู่ แต่เป็นยาที่ไม่มีอันตรายถ้าคุณเสพเกินขนาด ผมมีความสุขมากที่ตกเป็นเหยื่อของหนังสือ”

“One is never over-dressed or underdressed with a Little Black Dress.”

“หนึ่งมันไม่เคยมากเกินไปหรือน้อยเกินไป สำหรับการใส่ชุดเดรสสั้นสีดำ”

“Never use the word ‘cheap’. Today everybody can look chic in inexpensive clothes (the rich buy them too). There is good clothing design on every level today. You can be the chicest thing in the world in a T-shirt and jeans — it’s up to you.”

“ไม่ควรใช้คำว่า ‘ถูก’ กับใครเลย เพราะทุกคนสามารถแต่งตัวให้ดูเก๋ดูชิคได้กับเสื้อผ้าที่ราคาไม่แพง (คนรวยก็ซื้อใส่กันนะ) ทุกวันนี้มีเสื้อผ้าที่ดีไซน์ดีๆ ออกมามากมายในทุกระดับ คุณสามารถเป็นคนที่เริ่ดที่สุดในโลกได้ แม้ว่าจะใส่แค่เสื้อทีเชิ้ตและยีนส์ มันขึ้นอยู่กับคุณ”

 

“When I did H&M everyone said don’t do it and it worked. When I took over Chanel everyone said to me don’t do it, it’s dead, it doesn’t work, it worked. So I better not listen to people and follow my instincts.”

“เมื่อตอนที่ผมทำ H&M ทุกคนบอกว่าอย่าทำ แต่ปรากฏว่ามันเวิร์ค เมื่อผมเข้าสู่ Chanel ทุกคนก็บอกว่าอย่าทำ มันตายแล้ว มันไม่เวิร์ค แต่มันเวิร์ค ดังนั้น ผมจึงเลิกที่จะฟังคนอื่น แล้วติดตามสัญชาตญาณของตัวเองดีกว่า”

“It’s up to you to make every day as perfect as possible – it’s a question of will and discipline.”

“มันขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณจะทำทุกวันให้เป็นวันที่เพอร์เฟ็คเท่าที่เป็นไปได้หรือไม่ มันคือคำถามถึงเรื่องของความตั้งใจและความมีวินัย”

 

“I do my job like I breathe — so if I can’t breathe I’m in trouble.”

“ผมทำงานของผมเหมือนกับลมหายใจ ดังนั้น ถ้าผมไม่หายใจผมมีปัญหาแน่”

 

“Don’t sacrifice yourself too much, because if you sacrifice too much there’s nothing else you can give and nobody will care for you.”

“อย่าเสียสละตัวเองมากไป เพราะว่าถ้าคุณเสียสละจนมากเกินไป ก็จะไม่มีสิ่งใดที่คุณให้ได้แล้วก็จะไม่มีใครแคร์คุณอีกด้วย”

 

ดูโพสต์นี้บน Instagram

 

Inspiring, intriguing and sometimes provocative: “Karlism” quotes invite you to see the world through the designer’s eyes. #AccordingtoKarl

โพสต์ที่แชร์โดย KARL LAGERFELD (@karllagerfeld) เมื่อ ม.ค. 29, 2019 เวลา 3:52am PST

“Buy what you don’t have yet, or what you really want, which can be mixed with what you already own. Buy only because something excites you, not just for the simple act of shopping.”

“ซื้อในสิ่งที่คุณยังไม่มี หรือสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ ซึ่งสามารถนำสิ่งเหล่านั้นมามิกซ์ผสมกับสิ่งที่คุณมีอยู่ได้ ซื้อเฉพาะสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นจริงๆ ไม่ใช่ซื้อเพื่อทำเป็นว่าได้ช้อปปิ้ง”

 

“Youthfulness is about how you live, not when you were born.”

“ความวัยเยาว์ คือเวลาที่คุณใช้ชีวิต ไม่ใช่เวลาที่คุณเกิด”

 

“Fashion is a language that creates itself in clothes to interpret reality… it does not have to prove that it is serious. It is the proof that intelligent frivolity can be something creative and positive… [because], like poetry, fashion does not state anything. It merely suggests.”

“แฟชั่นคือภาษาของการสร้างสรรค์ด้วยตัวมันเอง ผ่านเสื้อผ้าที่ถูกทำให้เป็นจริง มันไม่ได้เป็นบทพิสูจน์ถึงความเอาจริงเอาจังใดๆ ตรงกันข้ามมันคือบทพิสูจน์ของการไม่จริงจังต่างหาก ที่สามารถเป็นบางอย่างที่สร้างสรรค์และเป็นโพสิทีฟได้เช่นเดียวกับบทกวี แฟชั่นไม่ได้เป็นถ้อยแถลงของสิ่งใดเลย มันเป็นเพียงแค่คำแนะนำเท่านั้น”

หลายๆ ประโยคของเขาสะท้อนว่า ชายคนนี้ผ่านประสบการณ์ ผ่านการกลั่นกรองความคิดมาอย่างมากมาย แต่แม้ว่าจะประสบความสำเร็จเพียงใดเขาก็ยังคงเป็นคนที่นอบน้อมและมองทุกคนอย่างเท่าเทียม ทำให้เราไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดีไซนเนอร์ผู้นี้นอกจากจะเป็นตำนานแล้ว เขายังเป็นที่รักของทุกคนอีกด้วย.

หลับให้สบาย

Karl Lagerfeld

ประวัติ

Karl Lagerfeld (คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์) เกิดวันที่ 10 กันยายน ปี 1933 ใน Hamburg (ฮัมบวร์ก) ประเทศเยอรมนี มีพ่อเป็นนักธุรกิจชื่อ Otto Lagerfeldt (ออตโต ลาเกอร์เฟลดต์) แม่เป็นลูกสาวของนักการเมืองชื่อ Elizabeth Bahlmann (เอลิซาเบ็ธ บาห์ลมานน์) ก่อนแต่งงานทำงานเป็นพนักงานขายเสื้อชั้นใน ทั้งนี้ ก่อนเขาเกิดในปี 1930 ครอบครัวได้โยกย้ายไปอยู่ทางเหนือของเยอรมนีหลบหนีสงครามที่มี Hitler นำทัพ และย้ายกลับมา Hamburg อีกครั้ง หลัง Karl อายุได้ 10 ขวบ

Karl สนใจด้านการออกแบบและวาดรูป เขาชอบตัดรูปใน Fashion magazine มาเล่น ตอนเด็กเข้าเรียนเบื้องต้นที่ St.Annes School และจบการศึกษาด้านศิลปะและประวัติศาสตร์จาก Lycée Montaigne พออายุประมาณ 14 ครอบครัวย้ายมาอยู่ที่กรุงปารีส เข้าเรียนการวาดรูปและเรียนรู้เรื่องผ้าอยู่ 2 ปี จากนั้นเข้าแข่งขันการออกแบบและชนะเป็นที่ 1 ตอนนี้เองที่ทำให้เขาได้พบกับอนาคตนักออกแบบชื่อดังอีกคน Yves Saint Laurent ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทกันในเวลาต่อมา

ปี 1955 เขาได้ทำงานเป็นนักออกแบบเต็มตัวเป็นครั้งแรกในตำแหน่งผู้ช่วยมือใหม่กับ Pierre Balmain (ปิแอร์ บัลแมง) จากนั้น 3 ปีเขาย้ายมาทำงานกับ Jean Patou (ฌอง ปาตู) และได้เริ่มงานออกแบบ Haute Couture (โอต์ กูตูร์)  จากนั้นเขาก็ไปร่วมทำกับแบรนด์อิตาเลียนชื่อว่า Tiziano (ติเซียโน) ที่มีลูกค้าเป็นเหล่าดาราและสาวชั้นสูง อาทิ Elizabeth Taylor, Doris Duke, Princess Marcella Borghese

ต่อมาในปี 1964 เป็น Freelance designer ให้กับ Chloe ตอนแรกออกแบบแค่บางแบบ แต่ต่อมาเขาได้ทำหมดทั้ง collection มีผลงานแปลกใหม่นำเสนอผู้ชม Surprise Skirt กางเกงยาวแค่เข่าที่ดูเหมือนกระโปรง และในปี 1970 ทำกับแบรนด์ Curiel และตามด้วย Fendi

กระแสตอบรับในฝีมือยังมีไม่หยุดยั้ง ปี 1982 Alain Wertheimer ประธานบริหารของ Chanel ได้มาทาบทามให้เป็นดีไซเนอร์ของแบรนด์ Lagerfeld เคยให้สัมภาษณ์กับ The New York Times ว่าทำไมถึงรับตำแหน่งนี้ “ใครๆ ก็บอกว่ามันน่ากลัว ใครมาอยู่ตรงนี้ต้องแย่และจะกลับมาใหม่ยาก แต่ผมว่ามันท้าทายดีออกนะ” และคาร์ลบอกกับนิตยสาร Marie Claire ว่า “อะไรที่ผมออกแบบ โคโค่คงไม่ชอบ แต่แบรนด์ก็เป็นแค่สัญลักษณ์ ผมต้องมาอัพเดทให้มันมีอะไรใหม่ๆ ผมทำในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำไว้ ผมต้องทำสิ่งที่เป็นตัวเอง ผมต้องเอาตัวเองออกมาจากสิ่งที่ชาเนลจะเป็นหรือควรจะเป็น ต้องเป็นอะไรที่ต่างออกไป” เขาทำให้ผ้าทวีด, ไข่มุก, รองเท้าทูโทน และโลโก้ C ไขว้เป็นที่ฮิตฮอตและจดจำได้

นอกจากเขาเป็นดีไซเนอร์ยอดฝีมือให้กับแบรนด์ดังๆ หลายแบรนด์แล้ว ในปี 1984 คาร์ลได้เปิดห้องเสื้อในชื่อของตัวเอง Karl Lagerfeld ต่อมา ในปี 2005 เขาได้ขายกิจการให้กับ Tommy Hilfiger Group แต่ยังคงดูแลและเป็นหัวหน้าครีเอทีฟดีไซเนอร์

Source : stylist