- Entertainment
ถอดรหัสความรัก ผ่านมุมมอง Miss M Stranger Fox แดร็กควีน ที่มีทะเบียนสมรส
By ทีมงาน bsite • on Feb 15, 2019 • 6,631 Views
คุณคงเคยอ่าน หรือได้ยินเรื่องราวความรักร่วมเพศเมื่อครั้ง 2,400 ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ฟาโรห์ในราชวงศ์ลำดับที่ 5 แห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ได้มีรับสั่งให้ฝังศพบริวารชาย ‘นัมโฮเทป’ และ ‘นิอังค์คานุม’ ไว้ในหลุมเดียวกัน และให้จารึกข้อความด้วยอักษรภาพไฮโรกลิฟส์ใจความว่า “อยู่ด้วยกันในชีวิต และอยู่ด้วยกันในความตาย”
ไม่มีวรรณกรรมเรื่องใดที่ไม่เอ่ยถึงเรื่องของความรัก หลายครั้งผู้คนยอมตายเพราะรัก มันเกิดขึ้นได้กับผู้คนทุกวัย ทุกเวลา และทุกเพศ หากมองจริง ๆ แล้วเพศเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในที่สุดแล้วทุกคนต่างกำลังถูกสังคมเข้ามาควบคุมด้วยวิธีอันซับซ้อน ถูกตั้งคำถามระหว่างการนิยามความรักกับเพศสภาพระหว่างความปกติและความผิดปกติ ประเทศไทยอุดมไปด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีเก่าแก่ ซ้อนทับอยู่ด้วยความคิดความเชื่อหลากหลาย จึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลยที่สังคมจะเข้าใจ และยอมรับความรักในเพศเดียวกัน
ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่เหล่า LGBT ต่างพยายามขับเคลื่อนให้ประเทศไทยได้เห็นถึงพลังของคนที่ต้องการความเท่าเทียมให้กับความรักทุกรูปแบบ เพียงสังคมเปิดใจต่อคำว่าเพศความเข้าใจในรายละเอียดทั้งหลายก็ตามมาได้อย่างไม่ยากเย็น “คุณเอ็ม” หรือที่รู้จักกันในนาม “Miss M Stranger Fox” เจ้าของบาร์ชื่อดังย่านสีลมเป็นอีกหนึ่งท่านที่แต่งงาน และจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“ฉันถูกขอแต่งงานข้างตู้เย็นนะ ฮ่า ๆ เราบินไปแต่งงานและจดทะเบียนสมรสที่ประเทศอเมริกา ช่วงนั้นเป็นปีที่บารักโอบาม่าเป็นประธานาธิบดี”
คุณเอ็มเล่าถึงเหตการณ์เมื่อสิบปีที่แล้วด้วยสีแววตาเปื้อนยิ้ม แม้หนทางจะไม่ง่ายนักสำหรับชีวิตคู่ เนื่องด้วยทั้งครอบครัวประกอบอาชีพทหารและเป็นคนจีน เรื่องความรักระหว่างเพศเดียวกันจึงค่อนข้างไกลตัวสำหรับครอบครัวของคุณเอ็มมาก ต้องใช้เวลาปรับจูนความเข้าใจอยู่พอสมควรแต่ในที่สุดก็ผ่านมันมาได้
หลายครั้งที่ถูกถามถึงรักแท้ในเพศที่สาม เพราะแม้แต่ชาว LGBT เองก็กลัวกันเหลือเกินที่จะเสี่ยงกับความรัก คุณเอ็มยืนยันด้วยประสบการณ์ที่เคยพบผ่านไม่ว่าจะเป็นทุกข์หรือสุข ว่าไม่มีใครด้อยค่าเกินกว่าที่จะมีความรัก มันไม่สำคัญว่าเป็นการคบกันในระหว่างสถานะเพศใด สำคัญคือรักกับใคร และจะทำความสัมพันธ์นั้นให้มีคุณภาพได้อย่างไร ไม่มีใครกำหนดได้ว่าความสัมพันธ์ในชีวิตคู่จะยืนยาวได้หรือไม่ เพราะสุดท้ายแล้ว ก็พบว่าปัญหาหย่าร้างยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม
“รักแท้มันไม่มีนิยามหรอก เราแค่ดูแลรักที่มีให้มันดีที่สุด อย่าคาดหวังว่าจะมีอะไรที่ไม่เปลี่ยนแปลง ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าที่สุดต่อปัจจุบันขณะของความรัก ทำให้คนรอบข้างมีความสุข ทิ้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเราไว้ให้คนคิดถึง มันสำคัญกว่านะกับการมานั่งตัดสินว่าคนนี้จะต้องเป็นแบบนี้ มันคือกรอบความเชื่อที่คร่ำครึมากแล้ว”
โลกกำลังเปลี่ยนไป อนาคตอีกไม่ไกลจากนี้ครอบครัวจะไม่เหมือนครอบครัวที่อยู่ในแบบเรียนอีกต่อไป พ่อแม่ไม่ได้มีแบบเดียวตามตำรา เพราะเมื่อพระราชบัญญัติเรื่องการแต่งงานและการมีชีวิตครอบครัว หรือ พ.ร.บ. คู่ชีวิต ฉบับที่เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ระบุว่าการจดทะเบียนของคู่ชีวิต หมายความถึง บุคคลสองคน ซึ่งเพศเดียวกันโดยกำเนิด แต่ “คู่ชีวิต” ไม่ใช่ “คู่สมรส” ตามกฎหมาย ดังนั้นสิทธิที่ได้รับจึงไม่ครอบคลุมเท่าไหร่นัก เมื่อถามถึงเรื่องนี้ใบหน้าของคุณเอ็มก็แสดงความหน่ายใจอย่างเห็นได้ชัด
“มันไม่ตอบโจทย์ทั้งหมด เราไม่ได้อยากได้กระดาษที่ชื่อว่าทะเบียนสมรสหรอก มันไม่ใช่แค่เรื่องของกระดาษ เป็นเรื่องของสิทธิที่ตามมาข้างหลัง เราไม่สามารถเซ็นยินยอมรักษาพยาบาลให้คู่ชีวิตของเราที่นอนเจ็บ ไม่สามารถมีลูกได้ตามที่ฝันเพราะกฎหมายก็ไม่ยินยอมให้อุ้มบุญ จะรับลูกบุญธรรมร่วมกันก็ไม่ได้ สิทธิลดหย่อนภาษีหรือสวัสดิการจากคู่สมรสที่ควรจะได้ก็ไม่มี ที่มันแหว่งขนาดนี้เพราะผู้ที่ร่างกฎหมายไม่ได้เป็นคนเจอปัญหา คนไม่ปวดฟันจะให้เขาถอนฟันเขาไม่ทำหรอก ยอมรับว่าก็มีความหวังมากขึ้นนะ จากเลขศูนย์ขึ้นมาเป็นเลขหนึ่ง ทุกอย่างมันต้องมีจุดเริ่มต้น ไม่ต้องพูดถึงว่ากว่าจะมาถึงตรงนี้ได้เราใช้เวลากันยาวนานขนาดไหน ตอนนี้เหมือนได้เริ่มต้นขยับขยายสิ่งที่เรียกร้องกันมานาน แล้วมันก็คงต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
การยอมรับเรื่องความรักร่วมเพศมีมากขึ้นในเด็กรุ่นใหม่ รวมไปถึงการพยายามเริ่มทำความเข้าใจของเหล่า Generation x ทำให้กลุ่ม LGBT ค่อย ๆ เผยตัวตนออกมาจากมุมมองแคบ ๆ ของคนในสังคม เปิดเผยความสามารถที่หลากหลายของตัวเองได้มากขึ้น ทั้งยังได้แสงสปอร์ตไลท์ที่สว่างกว่าที่เคยมีมาอย่างรายการ “Drag Race Thailand” ทั้งสองซีซั่น เป็นสื่อกลางช่วยเผยแง่มุมของพวกเขาที่คนในสังคมไม่เคยได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นความหลงใหล ความรัก ความฝันที่ยิ่งใหญ่และทรงพลัง หากชาว LGBT เองต้องใช้กลไกสิทธิมนุษยชน ไม่นิ่งเฉยเมื่อถูกเอาเปรียบ และละเมิดสิทธิ ทำความเข้าใจในความแตกต่างของตัวเองและยอมรับในสิ่งที่เป็น
ไม่ว่าจะเป็นใครหรือเพศไหน แล้วใช้ความเข้าใจนั้นมาเป็นเครื่องมือในการยอมรับความแตกต่างของคนอื่นเช่นกัน คงไม่ใช่คนรุ่นเราแน่ ๆ ที่จะเปลี่ยนความคิดคร่ำครึที่เคยมีให้หมดไป หนทางอาจยาวไกล สิบปี หรือยี่สิบปี… แต่เอาเถอะ สุดท้ายนี้ขอยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกที่ไม่จำกัดเพศนะคุณ
ABOUT THE AUTHOR
ทีมงาน bsite
Biographical Info