Alibaba สร้างสถิติใหม่ให้กับตัวเองอีกครั้ง ในวัน Singles’ Day หรือ “วันคนโสด” 11/11 ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลลดราคาสินค้ากระหน่ำที่มีการใช้เงินเยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยสามารถทำเงินไปได้สูงสุดถึง 30,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่สำคัญยังสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอีคอมเมิร์ซจีนและความมั่นใจของผู้บริโภคอีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา Alibaba Group ได้สร้างสถิติเร็คคอร์ดใหม่ ทำยอดขายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2018 หรือวันที่ 11/11 ได้สูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่อยู่ที่ 213,500 ล้านหยวน หรือประมาณ 30,800 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสถิติของปีที่แล้วถึง 27% ซึ่งทำลายสถิติดังกล่าวไปตั้งแต่ช่วงครึ่งวันของวันดังกล่าวแล้วด้วยซ้ำ

โดยยอดขายที่ผลักดันให้พุ่งไปไกลได้ขนาดนี้ก็มาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียนเรานี่เอง) โดยเฉพาะ LAZADA รองลงมาได้แก่ Ele.me ตามมาด้วย HEMA ซุปเปอร์มาร์เก็ตแบบเชนในจีน และธุรกิจในยูนิตอื่นของบริษัท

“ผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ Millennials มีความมั่นใจสูงในการจับจ่ายและนี่แหละคืออนาคตของเศรษฐกิจ และยังมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินได้เพิ่มขึ้นอีกยิ่งเมื่อคุณมีความรู้สึกว่าสามารถทำเงินได้มากกว่านี้ในปีหน้า” Jeffrey Towson ศาสตราจารย์จาก Peking University Guanghua School of Management กล่าว และว่า “ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องทางพาณิชย์แต่มันก็ยังเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์ด้วย หลายสิ่งไม่ใช่ของจำเป็นที่จะต้องซื้อหา แต่พวกเขาก็ต้องการมันในชีวิต มันคือเทศกาลใหญ่ มันสนุก แล้วยังมีส่วนลดโปรโมชั่นชั้นเลิศอีกด้วย”

“การค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะไม่ผิดพลาดแน่ เพราะความเฟื่องฟูของกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง ผู้ซึ่งมีการใช้จ่ายเงินเฉลี่ยสูงแบบดับเบิ้ล มากถึง 600 ล้านในอีก 10-15 ปีข้างหน้า และจะมีพลังการบริโภคเพิ่มขึ้นอีกในระยะยาวต่อไปด้วย” Joe Tsai รองประธานบริหาร Alibaba Group กล่าว

นอกจากนี้ Tsai ยังกล่าวด้วยว่า จีนพัฒนาอย่างมั่นคงมากกว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ทั้งนี้ GDP ของจีน ย้อนไปเมื่อปี 1999 อยู่ที่ประมาณ 800 ดออลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นช่วงที่เราเริ่มก่อตั้งบริษัท และตอนนี้มันพุ่งขึ้นเป็น 9,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคน บนประชากรประมาณ 1.3 พันล้านคน และมันจะต้องเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เป็น 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในอนาคตอย่างแน่นอน

กับเทศกาลลดกระหน่ำ 11/11 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้บริโภคใช้เวลาน้อยกว่า 2 ชั่วโมงก็ทำการซื้อไปได้ สูงถึง 1 พันล้านหยวนแล้ว!! ซึ่งสถิติปีที่แล้วใช้เวลามากกว่า 7 ชั่วโมงถึงจะไปถึงระดับนั้นได้ ทว่า เพียงแค่ 30 นาที จาก 30 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น Nike, Adidas, Apple และ Xiaomi ยอดขายก็เข้าสู่หลัก 100 ล้านหยวนแล้ว รวมทั้งลิปสติกสเปเชียลเอดิชั่นของ MAC 3,700 แท่งก็ขายหมดอย่างรวดเร็วในเวลาแค่ 1 วินาที

ส่วนสินค้าประเภทอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็จะเป็นพวก นมผง, ผ้าอ้อมสำเร็จรูป และสกินแคร์ต่างๆ ก็จะเป็นช้อปปิ้งลิสต์ที่อยู่ระดับบนๆ

ส่วนกลุ่มผู้ที่ใช้จ่ายเงินสูงสุดมาจาก “เซี่ยงไฮ” ซึ่งเป็นสถานที่ที่งาน Singles’ Day gala ถูกจัดขึ้น ตามมาด้วย ปักกิ่ง, หางโจว และ กว่างโจว

Singles’ Day ได้ชื่อเพราะตัวเลขของวันและเดือน ได้แก่ วันที่ 11 พฤศจิกายน ซึ่งเขียนเป็นตัวเลขได้ว่า 11/11 ซึ่งเปรียบได้กับคนเดียว หนึ่งเดียว และความโสด นั่นเอง ซึ่งสำหรับ “ความโสด” นั้นถือเป็นแรงกดดันในสังคมชาวจีน ดังนั้น การกำหนดวันคนโสด ก็เหมือนเป็นการประชดประชันกับ “วันแห่งความรัก” หรือวันวาเลนไทน์นั่นเอง และเพื่อให้ทัดเทียมกัน Alibaba ก็ได้ริเริ่มวันดังกล่าวอย่างเป็นทางการผ่านอีเวนต์การช้อปปิ้งครั้งสำคัญ เมื่อปี 2009 เป็นครั้งแรก เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

และปัจจุบันนี้ วันคนโสด Singles’s Day ก็ได้ขยายไปอย่างกว้างขวาง กลายเป็นเทศกาลการช้อปปิ้งสำหรับทุกคน และ Alibaba ก็ได้งานกาล่าแบบนี้เป็นประจำทุกปี โดยเชิญคนดังระดับโลกมาร่วมงานมากมายเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับนักช้อปในวันสำคัญดังกล่าวนี้

โดยในปีนี้ ดาราที่มาร่วมงาน อาทิ Mariah Carey และการแสดงระดับโลกอย่าง Cirque du Soleil รวมเวลาโชว์ถึง 4 ชั่วโมงถ่ายทอดทั้งทางโทรทัศน์และออนไลน์ผ่าน Alibaba’s Youku วิดีโอแพล็ทฟอร์มในเครืออาลีบาบา แต่ที่เรียกเสียงกรี๊ดได้มากที่สุดก็คงเป็น Jackson Yee ไอดอลจากวง TFBoys

กับยอดขายที่ไม่อาจมองข้ามได้ก็คือ เทศากาล Black Friday และ Cyber Monday ในสหรัฐฯ ที่กลายมาเป็นเทศกาลลดราคาครั้งสำคัญระดับโลก แม้แต่ในฮ่องกงห้างร้านต่างๆ ก็ใช้โอกาสนี้ในการจัดข้อเสนอดีๆ โปรโมชั่นเด็ดๆ ในการขายออฟไลน์ เช่น โซโก้ ดีพาร์ทเมนสโตร์ และมาร์เก็ตเพลสอย่าง Jasons เป็นต้น

หันมาทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางฝั่งบ้านเรากันบ้าง LAZADA ซึ่งเป็นยูนิตที่ผลักดัน Singles’s Day มากที่สุด โดยหนึ่งในผู้ที่นิยมแพล็ทฟอร์ม อาทิ นาย Kent Toh ทำงาน digital marketing executive ใน Singapore กล่าวว่า เขามีความรู้สึกว่าเขาจำใจต้องซื้อสินค้าใน LAZADA เพราะกลัวพลาด! ทั้งนี้ เขาใช้เงินในปีนี้ที่ LAZADA ไปประมาณ 123 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ความสำเร็จของเทศกาลช้อปปิ้งเพียงแค่วันเดียว ยังส่งผลไปถึง อี-คอมเมิร์ซรายอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น JD.com, Mogujie และ VipShop แล้วยังกระโดดข้ามฝั่งมายังการจัดแคมเปญและโปรโมชั่นต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งทำให้เงินสะพัดไปทั่วทั้งออฟไลน์และออนไลน์

ความแข็งแกร่งของการจับจ่ายของผู้บริโภค ยังนำมาซึ่งข่าวดีของระบบเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามการค้าข้ามโลกที่น่าจับตาต่อไปอีกด้วย.

Source : South China Morning Post