ดอยหลวงเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เป็นสถานที่เสพธรรมชาติสำหรับนักท่องเที่ยวที่เบื่อเที่ยวเมืองเชียงใหม่และดอยแบบเดิมๆ มีกิจกรรมให้ทำหลากหลายตามความชอบของแต่ละคน ใครชอบเดินป่า ลุยดอย ก็มีทริปเส้นทางพิชิตดอยหลวงเชียงดาว ที่ต้องเข้าป่าไปหลายวัน แบบไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก,ใครชอบวิถีชีวิตแบบชาวบ้านก็อาจจะนอนพักที่โฮมสเตย์เชียงดาวซึ่งเป็นของชุมชนจัดไว้ ตื่นเช้ามาก็พบกับทะเลหมอกที่หลังบ้านเลย

แต่สำหรับใครที่เป็นสายอาหารและอยากดื่มด่ำกับความสงบของธรรมชาติที่แท้จริง เราแนะนำเมื่อมาถึงเชียงดาวแล้ว ให้มาที่ Chiang Dao Nest ร้านอาหารภายในรีสอร์ทที่พักชื่อเดียวกัน ตัวร้านตั้งอยู่ใกล้กับวัดถ้ำหลวงเชียงดาว ใช้เส้นทางเดียวกันได้ ร้านอยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ ราว 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ

Chiang Dao Nest จะแบ่งออกเป็นสองสาขา สาขา 1 จะเป็นอาหารยุโรปเน้นรสชาติตะวันตกแท้ๆ ทั้งผักและการปรุงรส จะแอบมีฟิวชั่นเล็กน้อย ส่วนสาขา 2 จะเป็นอาหารไทย อาหารพื้นเมือง ซึ่งร้านที่นำมารีวิวเป็นสาขา 1 ที่เป็นสไตล์รสชาติแบบยุโรป
ตัวร้านตั้งอยู่กลางหุบเขา รายล้อมด้วยต้นไม้สูงใหญ่ และมีกระท่อมที่พักหลังเล็กๆ อยู่รอบร้าน

ก้าวแรกที่เดินเข้ามาสัมผัสได้เลยว่าร้านนี้มีความสงบจริงๆ คนในร้านพูดคุยกันแบบเบาไม่รบกวนกัน ร้านไม่เปิดเพลงใดๆ และมีป้ายบอกให้กรุณาปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ อันเป็นนัยยะบอกว่า ให้เสพธรรมชาติและตัดขาดจากโลกภายนอกชั่วคราวดีกว่า

ที่ลานหน้าร้านมีกระโจมซุ้มสำหรับนั่งพักผ่อน รวมถึงเก้าอี้ที่ถูกจัดให้ล้อมวงอยู่รอบกองไฟ สำหรับผิงไฟในยามค่ำคืน มอกงขึ้นไปด้านบนเห็นปุยหมอกลอยต่ำคล้ายปุยเมฆให้ความสดชื่นแบบเต็มปอด รอบๆสนามหญ้าของร้านมีเจ้าแพะน่ารัก ยืนเล็มหญ้าอยู่ด้วย ราวกับว่านี่เป็นทุ่งหญ้าในต่างประเทศ

ที่ร้านจะมีอาหารแนะนำเขียนติดกระดานไว้ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารตะวันตก รสชาติเนยนมชีส ซอส และทำออกมาใกล้เคียงกับยุโรปจริงๆด้วย จึงไม่แปลกใจที่ลูกค้าในโต๊ะใกล้ๆเป็นชาวต่างชาติเกือบทั้งโต๊ะ

เมนูเริ่มต้นของเรา สั่งจานเรียกน้ำย่อยเป็น อกเป็ดราดซอส เป็ดถูกทำให้สุกแบบมีเดียมแรร์ ไม่สุกมากมีความชุ่มฉ่ำเนื้อตรงกลาง สไลด์บางมาพอดีคำ ทานคู่กับซอสและผักเคียงให้ความรู้สึกสดชื่น

ไข่อบชีสมาในถ้วยร้อนด้านบนเป็นไข่อบให้พอสุกเยิ้มๆตักทานคู่กับชีสที่อยู่ด้านล่างและก้นถ้วยยังมีเนื้อปลาแซลม่อนผสมมาเป็นชิ้นด้วย เมนูนี้เหมาะสำหรับเด็กและสายชีสห้ามพลาด รสชาติอร่อยทานง่าย

เบค่อนพันกุ้ง ทางร้านนำเบค่อนมาพันกุ้งแล้วทอดไม่ให้กรอบมาก เคี้ยวไปมีความกรุบ เหนียวนุ่ม ทานคู่กับผักเคียง ต้นอ่อนทานตะวัน มีซอสให้จิ้มสองแบบคือซอสมะเขือเทศและซอสมาโย

สเต็กเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ เป็นเนื้อนุ่มๆชิ้นโต ท้อปปิ้งด้วยเบค่อนทอดกรอบ ทานคู่กับผักที่ปรุงมาอย่างดี ทั้งข้าวโพดอ่อน แครอท ซุกินี มันบดที่อบมาเป็นเนื้อละเอียด ทานคู่กับซอสสูตรเฉพาะของทางร้าน ทั้งจานรวมรสชาติออกมาได้ความสดชื่นของผักและความอร่อยของเนื้อที่ปรุงออกมาอย่างใส่ใจ

สปาเก็ตตี้น้ำพริกตาแดง เป็นเมนูสำหรับ vegetarian ที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ เป็นเส้นสปาเก็ตตี้ผัดกับซอสน้ำพริกตาแดงแบบไทยๆ ให้ความรู้สึกเผ็ดร้อนของพริกและเครื่องเทศ เหมาะสำหรับคนที่อยากตัดเลี่ยนจากรสชาติยุโรป ซึ่งเมนูนี้หากใครอยากจะท้อปปิ้งด้วยเนื้อสัตว์ให้ใส่ผัดเข้าไปเพิ่มก็สามารถสั่งได้

ปิดท้ายด้วยของหวานเป็นเค้กช็อกโกแลตเนื้อเนียนแน่น ราดซอสช็อกโกแลตและไอศกรีมวานิลลา ความเข้มข้นของช็อกโกแลตบวกกับเนื้อสัมผัสของเค้กเข้าไปรวมกันในปากเป็นรสชาติที่ละมุนมากๆ เพิ่มความหวานและน้ำตาลให้กับมื้ออันแสนสุขนี้

ใครที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ หรือ อ.เชียงดาว แล้วสนใจอยากไปดื่มด่ำความสงบและลิ้มรสอาหารยุโรปท่ามกลางธรรมชาติ สามารถตาม Location นี้ได้เลย ที่ร้านยังมีบริการที่พักด้วย สามารถจองไปล่วงหน้าได้เลย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 053 456 612

https://goo.gl/maps/xMi4TVzih9K2

Copyright© Bsite.In

โหล่งฮิมคาว เป็นชุมชนที่ตั้งอยู่หลังวัดสีมาราม ใกล้แม่น้ำคาว สันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งชื่อนี้เป็นภษามอญ หมายถึง ย่านริมแม่น้ำคาว มีลักษณะเป็นซอยตรงยาว สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่ผลิตงานศิลปะ งานทำมือและงานเสื้อผ้า ตกแต่งด้วยสีสันตลอดเส้นทางเดิน..ที่ปลายซอยเป็นที่ตั้งของร้านอาหารสุดชิลล์ Meena มีข้าว วันนี้เราขอพาทุกคนไปเดินเล่นและหามุมถ่ายรูปสุดเก๋ที่ โหล่งฮิมคาว

แผนที่วาดแสดงให้เห็นภาพรวมของชุมชนโหล่งฮิมคาว เราจะเห็นว่ามีความหลากหลายในชุมชนเดียวกัน มีวัด ร้านพิซซ่า ตลาดขายของ ร้านขายชุดพื้นเมือง ร้านขายผ้ามัดย้อม บ้านของโบราณ แปลงผัก แปลงนา ทุกบ้านล้วนมีความน่าสนใจให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาแวะเข้าไปซึมซับบรรยากาศของความเป็นศิลปะ ไม่จำเป็นต้องซื้อแค่เดินเข้าไปดูเจ้าของบ้านก็สุขใจแล้ว

ด้ายไหมพรมหลากสีถูกย้อมเป็นก้อนกลมๆ ผูกติดกับกรวยใบไม้นำมาห้อยบนราวทำเป็นซุ้มต้อนรับนักท่องเที่ยว เป็นไอเดียตกแต่งแบบบ้านๆที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับชุมชน ใครเดินผ่านไปมาต้องหยิบกล้องออกมาเก็บภาพความสดใสของซุ้มนี้ไว้

บริเวณต้นซอยเป็นที่ตั้งของ ทองดี Bus Pizza ที่ดัดแปลงเอารถบัสสีส้มคันเก่ามาเป็นร้านและมุมนั่งทานอาหารพิซซ่าโฮมเมด
สามารถขึ้นไปถ่ายรูปกับรถบัสได้ด้วย เป็นอีกแลนด์มาร์คที่ใครมาโหล่งฮิมคาวจะต้องแวะมาเยือน

ช่อดอกไม้ห้อยด้วยเศษผ้าสีฟ้าขาว นำมาจัดรวมกันกลายเป็นซุ้มต้อนรับที่เรียบง่าย ด้านบนทำเป็นไม้ไผ่ก่อให้เป็นประตูทางเข้า เป็นไอเดียการจัดสถานที่โดยใช้วัสดุธรรมชาติ ไม่สิ้นเปลืองเงิน แถมยังสวยงาม ถ่ายรูปเก็บไว้เผื่อเป็นไอเดียในการจัดตกแต่งสถานที่เวลาที่บ้านมีงาน

โมบายตกแต่งจากไหมที่ถูกถักทอร้อยให้เป็นลวดลายต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและปราณีตในการผลิตผลงานของชุมชนศิลปะแห่งนี้ ราคาของชิ้นงานแต่ละอันถือว่าคุ้มค่าที่แลกกับการลงแรง ลงไอเดียลงไป เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งของพื้นเมือง

ร้านขายผ้าฝ้ายพื้นเมืองที่นำมาตัดเย็บเป็นเสื้อผ้า เป็นกระเป๋า ผ้าพันคอ ใครที่ชอบงานผ้าทำมือและเป็นผ้าฝ้าย สีธรรมชาติ
ใส่สวมสบาย สามารถมาแวะหาซื้อได้ที่นี่ ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าธรรมดา แต่ยังใส่ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ทำให้ผ้าฝ้ายสามารถสวมใส่ได้ในทุกโอกาสด้วย

สีสันฟ้าครามน้ำเงินของผ้ามัดย้อมแบบใต้ๆ แต่มาไกลถึงเชียงใหม่ของร้านอันดามันมัดย้อม แค่เดินเข้าไปก็เห็นสีฟ้าและผ้ามัดย้อมที่นำมาตากเป็นธงปลิวสวยงาม สามารถเข้าไปชมวิธีการมัดย้อม เรียนรู้และออกแบบ รวมถึงซื้อหาติดเป็นของฝากได้ด้วย ร้านนี้ทำให้รู้เลยว่า งานศิลปะไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่หรือท้องถิ่นเฉพาะ แต่ถ้ามีไอเดียดีๆ ที่ไหนก็สามารถสร้างงานฝีมือแบบนี้ได้

เมื่อเดินมาถึงกลางซอยก็พบบานประตูสวยๆ จนอดจะไปถ่ายรูปไม่ไหว ตกแต่งด้วยกลีบมาลัยร้อยเป็นแบบอินเดีย แต่กลีบที่เห็นเป็นของปลอม ที่หน้าห่วงคล้องประตู มีพวงโมบายแขวนอยู่ สีน้ำเงินอมเขียวของประตูและสีสันของทั้งบ้านที่ฉูดฉาดกลายเป็นความตัดกันที่ดึงดูดคนที่เดินผ่านไปผ่านมา น่าเสียดายในวันที่เราไปประตูบ้านปิดเลยอดเข้าไปเดินชมข้างใน ด้านนอกมีเก้าอี้ตัวเก่า พร้อมเครื่องใช้ย้อนยุค จัดเป็นฉากผนังสวยๆให้นั่งถ่ายรูป

เดินมาจนสุดซอยเราจะเห็นซุ้มข้าวโพดตากแห้งพร้อทแขวนป้ายผ้าตัวอักษรใหญ่ๆว่า “มีนา” เป็นร้านอาหารชื่อดังของเชียงใหม่ที่ตั้งอยู่กลางธรรมชาติ บ่อน้ำพุ กอไผ่

ตัวร้านเป็นเรือนไม้สองชั้นให้บรรยากาศเหมือนนั่งในบ้านไม้เก่าๆที่เป็นกันเอง สวนด้านนอกเป็นพื้นที่ให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้ด้วย ใกล้กับร้านอาหารมีห้องสำหรับขายของที่ระลึกซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานหัตถกรรมทำมือที่นำวัสดุจากธรรมชาติสุดเรียบง่ายมาดัดแปลง

สำหรับใครที่สนใจมาเที่ยวที่โหล่งฮิมคาว ใช้เวลาไม่ถึง30นาทีจากตัวเมืองเชียงใหม่ มุ่งหน้ามาที่อำเภอสันกำแพง เข้าซอยวัดสีมารามก็จะเห็นความน่ารักของชุมชนแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่ช่วยเติมไฟแห่งความคิดสร้างสรรค์ให้กับการเที่ยวเชียงใหม่ในอีกมิติหนึ่งเลย .. หรือหากใครมาไม่ถูกสามารถจิ้มแผนที่ตาม Location นี้ได้เลย